Showing posts with label ปออันปัน. Show all posts
Showing posts with label ปออันปัน. Show all posts

Wednesday, February 4, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 10


ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา


1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread

2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของ Spread
6.การเบรคราคา และ Volume
7.การดูแนวต้านด้วย Volume
8.การพักตัวของหุ้น
9.การเลือกหุุ้น
10.การเข้าหุ้น
12.การกระจายความเสี่ยง
13.อารมณ์ตลาด


สรุปบทที่ 10 - การขายหุ้น


ให้แบ่งหุ้นออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน และขายตามหลัก ดังต่อไปนี้

1.ขายทันทีเมื่อราคาหุ้นมีกำไรตามที่ตนเองพอใจ (ปกติ 3-5%)
  • ล๊อคกำไรหรือสร้างความมั่นใจว่า อย่างน้อยมีกระสุนสำรองจากเจ้าไว้แล้ว 1/3 ที่ประมาณ 5-6%
  • ถ้าเราขายออกไปแล้ว หุ้นมีราคาอ่อนตัวหรือย่อลงมา เราก็อาจพิจารณารับกลับหรือไม่ก็ซื้อได้เท่าๆหรือน้อยกว่าที่ขายออก ไป (ประมาณว่าเล่นตัวได้บ้างแล้ว)นั้นเอง

2.ขายเมื่อถึงเป้าหมายกำไร และ/หรือ ชนต้านไม่ผ่าน
  • เป้าหมายกำไร ....ใช้กับหุ้นนิวไฮ 200วันไปแล้ว...ซึ่งในที่นี้มันไม่มีต้าน(มีแต่หุ้นแนวหน่วง...หุ้นแนวหน่วง คือหุ้นที่ฉุดการขึ้นต่อของราคาหุ้น แม้ไม่ใช่ต้าน) มีเป้ากำไรที่เท่าไหร่ตรงสเต็ปนี้ ก็นึกเอาได้เลย(อิอิอิ)...ปกติสัก 10-15%ขึ้นก็น่าจะโอแล้วครับ
  • เสต็ปนี้ เช่นกัน รับกลับได้...แต่พอเห็นย่อก็อย่าเพิ่งรับกลับเลยทันที หาจุดอ๊อปติไมซ์ราคาตามหลัก 1/3ก่อน...เพราะมันดีดมาขนาดนี้ โอกาสพักตัวมีสูงครับ

3.ขายเพื่อป้องกันกำไรหาย มีกฎเหล็กอยู่ว่า "ห้นใดๆที่ถือมีกำไรอยู่แล้วดีๆ....ถ้าไม่ สุดวิสัย ห้ามถือจนขาดทุนเด็ดขาด"

Friday, January 30, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 9


ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา


1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread
2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของ Spread
6.การเบรคราคา และ Volume
7.การดูแนวต้านด้วย Volume
8.การพักตัวของหุ้น
9.การเลือกหุุ้น
10.การเข้าหุ้น
12.การกระจายความเสี่ยง


สรุปบทที่ 9 - อารมณ์ตลาด


1.SET มีแนวโน้มจะสะท้อนภาพของตลาดหุ้น โดยเฉพาะ Dow Jones และ Hang Seng 

2.วันที่ตลาดติดลบตั้งแต่ 10 จุดขึ้นไป ไม่ควรลงทุน เพราะในวันที่ตลาดติดลบมากๆๆ เจ้าที่ทำราคาส่วนใหญ่มีแนวโน้มถือโอกาสพักตัวเก็บหุ้นต่อ รายย่อยควรถือโอกาสหาแนวรับ-แนวต้าน เพื่อเข้าซื้อในวันถัดๆไป




Thursday, January 29, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 8



ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา



1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread

2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก

3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน

4.ความหมายของ Float

5.ความหมายของ Spread

6.การเบรคราคา และ Volume

7.การดูแนวต้านด้วย Volume

8.การพักตัวของหุ้น

12.การกระจายความเสี่ยง



สรุปบทที่ 8 - การเลือกหุ้นและการเข้าหุ้น



1.ปริมาณ Float200 อยู่ระหว่าง 25 - 50 ล้านบาท

2.วันธรรมดาที่ราคาไม่ได้วิ่งกระชาก ควรมี Float แต่ละวันเฉลี่ยมากกว่า 5% ของ Float200

3.การเข้าหุ้นต้องเข้าตอนขาขึ้นเท่านั้น (ฐานราคายกขึ้นเรื่อยๆ)
  • เข้า หุ้นในแนวลุย (aggressive entry)
  • เข้าหุ้นในแนวรับ...ในที่นี้คือเข้า ตอนพักตัวขาขึ้น ปลอดภัยกว่า
4.การเข้าหุ้นควรแบ่งเงินออกเป็น 2-3 ไม้
  • เมื่อเริ่มต้นสันยาน...โวลุ่มส์เบรคสักระดับ 25-50% float200 และ spread ถ้างขึ้นไปประมาณ 5-9%....แบบ นี้วันต่อไป หุ้นดีดต่อเลยมีสูงมาก แต่ถ้ามันจะพักตัวก่อน ก็ลงไม่มาก(หลักพักตัว 1/3ของเรา)
  • การเข้า เมื่อทรงๆพอควรแล้วเบรคแนวต้าน...อาจต้านระดับ 50 100 หรือ 200 วัน....ลุยได้ครับ...แต่อย่าทั้งหมดทีเดียว

Wednesday, January 28, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 7



ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา


1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread
2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของ Spread
6.การเบรคราคา และ Volume
7.การดูแนวต้านด้วย Volume
12.การกระจายความเสี่ยง


สรุปบทที่ 7 - การพักตัวของหุ้น


1.เราจะเข้าลงทุนในช่วงที่หุ้นพักตัว สาเหตุที่หุ้นมีการพักตัวก็เพื่อบีบให้รายย่อยที่ถือหุ้น รอ Let Profit Run ปล่อยหุ้นออกมา




2.รูปแบบการพักตัวของหุ้นที่ดี ราคาควรย่อลงมาประมาณ 1/3 ของราคาอ้างอิง




อธิบายกราฟ

tipco... ที่จุดลากพื้นฐานถึงจุด A ให้แบ่งช่วงออกเป็น 3ช่วงดังภาพ... การพักตัวของจุด A ควรลงมาได้ประมาณ 1/3 หรือที่เลข 2ที่จุด B ในที่นี้ เนื่องจากความชันของกราฟยังไม่มาก...จุดอ้างอิงพื้นฐานเรายังเป็นที่เดิม และการพักตัวของจุด B ก็ควรลงมาที่ 2 ดังภาพ

rojna.... ความ ชันของกราฟสูงกว่ามาก...จุดอ้างอิงพื้นฐานจึงต้องขีดใหม่ทุกหลูบ


3.การเข้าหุ้น (แบบคร่าวๆๆ) เข้าเมื่อหุ้นพักตัว



4.การ Cut loss (แบบคร่าวๆๆ)

  • เมื่อหลุด -3%สักสองสามช่อง(เผื่อขาดเผื่อเหลือ)
  • คัทเมื่อหลุด -5%สักสามสี่ช่อง

5.การยิงดาว คือ การพักตัวของหุ้นเสร็จสรรพในวันนั้นเลย...คือมีลากราคาขึ้นสูง แล้วค่อยๆกดลงช้าๆ ให้คนทุนต่ำกลัวกำไรหาย ขายออกมาให้มากที่สุด....


Monday, January 26, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 6



ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา


1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread
2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก 
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของ Spread
6.การเบรคราคา และ Volume 
7.การดูแนวต้านด้วย Volume 

สรุปบทที่ 6 - การกระจายความเสี่ยง


1.การกระจายความเสี่ยง .... ในเมื่อเราและนักเทคนิคทั่วโลกยอมรับกันอยู่แล้วว่า "ไม่มีเทคนิคใดๆจะถูกต้องแม่นยำได้ 100%".... แค่ 70% ก็ถือว่าใช้งานได้แล้ว

และผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าระบบของเรา มีความเป็นไปได้ในระดับ 70% ถ้าเราไม่พลาดจุดสำคัญจุดใดจุดหนึ่งไปเสียก่อน

การ ที่จะให้หลักการความน่าจะเป็นทำงานได้แม่นยำที่สุด...นั่นคือการที่เราต้อง มีจำนวนประชากรให้มากที่สุด...นั่นคือถ้าระบบแม่น 70% การเล่นหุ้น 100 ตัว ต้องสำเร็จหรือมีกำไร 70 ตัว เสียได้ 30 ตัว

แต่การที่เราจะเล่นหุ้น คราวละมากๆๆๆตัวเพื่อกระจายความน่าจะเป็นนั้น...ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่ แล้ว...และการที่มีจำนวนประชากรหรือจำนวนหุ้นน้อยเกินไป ก็อาจทำให้เราพลาดตามหลักความน่าจะเป็นได้

เช่นเรามีวอชลิสต์อยู่ 10 สมมุติมันจะเข้าเป้า 7 ตัว...พลาด 3ตัว....แต่เราดันเลือกมาเล่นแค่สองตัวเท่านั้น...โอกาสที่สองตัวนั้นจะเป็น 1ใน 3ตัวหลัง (เจ๊งหมด) หรือเข้าเป้าแค่ 1 ขาดทุน1 ก็ย่อมเป็นไปได้

หมายถึงแม้ระบบเราจะดีแค่ไหน...แต่ถ้าเราเลือกหุ้นมาเล่นน้อยตัวเกินไป... โอกาสเป็นดังที่ผมว่าที่อาจเกิดขึ้นได้ก็คือ เจ๊งทั้งสอง หรือได้หนึ่งเจ๊งหนึ่ง...แม้เท่าทุนก็เสียเวลาเปล่า

ดังนั้น การถือหุ้น ต้องนึกถึงหลักความน่าจะเป็นเหล่านี้ด้วยเสมอ...ผมเองไม่เคยถือหุ้นต่ำกว่า 6ตัว และปกติจะ 7-9 ตัวเสมอ...เพราะเหตุผลนี้เอง

และหุ้นขาขึ้น ไม่ได้ขึ้นทุกตัวทุกวัน...มันจะมีตัวที่ขึ้นต่อบ้าง พักตัวบ้าง...และยิ่งเล่นรอบจัดอย่างผม (ไม่จำเป็นต้องเล่นแบบนี้ก็ได้นะครับ...ถือ สักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็ได้ ผลลัพธ์ไม่ต่างกันนัก...แต่ผมดันชอบลองเท่านั้นเอง)

ทีนี้พอตัวไหน ดีดๆแรงๆก็อาจแบ่งขายมาซื้อตัวที่กำลังพักตัวอยู่ก็ได้...โยกเงินไปมาในหุ้น ของเราเอง

และอีกอย่าง การถือสัก 8-9 ตัว ตามเทคนิคของเรา...เราจะสนุก ไม่เครียด เพราะจะมีตัวขึ้นมาให้ลุ้นให้มันส์อยู่ทุกวัน ตัวไหนพักตัวและยังไม่ต่ำกว่าจุดอันตราย เราก็เก็บเพิ่ม
ส่วนตัวไหน rsi ทำท่าเลยจุดโอเว่อร์บอท เราก็พิจารษรแบ่งขายบ้าง วันหน้าพักตัวย่อค่อยรับกลับ....จะเห็นได้ว่าผมมีหุ้นมาเชียร์มาโม้ทุกวันใน NVDR ก็เพราะเหตุผลนี้เองครับ

เทคนิคการกระจายความเสี่ยงนี้ ได้ผลดีมาก และยิ้มได้ทุกวัน...จึงนำมาโม้มาบอกกล่าวให้พี่น้องชาวเม่าด้วยกันได้ลองใช้ ดูครับ

Wednesday, January 21, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 5



ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา

1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread
2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก 
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของ Spread
6.การเบรคราคา และ Volume 

สรุปบทที่ 5 - การดูแนวต้านด้วย Volume


1.คำถามเบื้องต้นที่ต้องตอบ ก่อนเข้าหุ้น
  • หุ้นเบรคราคากี่วัน
  • สเปร ดราคาถ่างออกกี่% (จะได้รู้ว่าควรเข้าแบบไหน)
  • เบรคโวลุ่มระดับ ไหน(เทียบ float200)
  • เข้าได้เลยหรือรอพักตัวก่อน
  • ต้านโวลุ่มจุด แรกอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ จุดที่สอง(ถ้ามี)ที่เท่าไหร่
  • ช่วงราคาที่เข้า ซื้อ
  • ถ้าไปต่อ ขายเท่าไหร่ ยังไง
  • ถ้าพลาด จุดคัทอยู่ที่ราคาเท่าไหร่
  • (เพิ่มเติม)...หุ้นนั้นอยู่ในไซทีเรียหรือ เงื่อนไขการเลือกหุ้นของเราหรือไม่

2.หลักการดูแนวต้านด้วย Volume 




MCS...หุ้นขาลง (ระบบเราไม่เล่นนะ ครับ...เอามาเป็นตัวอย่างเท่านั้น)
ระบบของคนที่เล่นรีบาวด์...หุ้นนี้ ต้านแรกที่น่ากลัวคือแท่งที่ผมชี้ไว้ให้ดูมีโวลุ่มส์ค่อนข้างมาก...จึง รีบาวด์มาแตะแล้วลงต่อ...นี่คือต้านแรก

ส่วนต้านที่ 2 คือเส้นที่ผมขีดไว้ที่ราคาประมาณ 8.2 ... 

ลำดับที่ 3 ประมาณ 8.7 เป็นต้น

Tuesday, January 20, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 4



ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา

1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread
2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก 
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของ Spread
6.การเบรคราคาแต่ละระดับ


สรุปบทที่ 4

1.การเบรคของ Volume คือ พิจารณา Float200 หรือวันที่หุ้นมีจำนวน volume เล่นหากันมากที่สุดในช่วง 200 วันที่ผ่านมา

2.จำนวน Float และ Free Float ไม่จำเป็นต้องเท่ากัน Free Float คือจำนวนหุ้นที่รายย่อยสามารถซื้อถือได้ ส่วน Float ความหมายตามข้อ 1 ให้ focus ที่ Float200 เท่านั้น

ตัวอย่างการเบรคของ Float200 ในแต่ละครั้ง โดยจุด A เป็น Fail Signal เพราะเบรตแต่ราคา ไม่ได้เบรค Float ด้วย แต่จุด B เบรคทั้ง ราคา และ Float200

3.ระดับการเบรคของ Float แปรผันตรงกันกำไรคาดหวังและช่วง Spread ดังนี้

  • 25% ของ Float200
  • 50% ของ Float200
  • 75% ของ Float200
  • 100% ของ Float200
  • 150% ของ Float200
4.ประสบการณ์การเข้าลงทุน
  • Volume มา แต่ราคาเบรคน้อย เทรนเป็นขาขึ้น เบรคไม่แรงสามารถเข้าลงทุนได้ โดยราคาจะค่อยๆ ขัยบตามไป
  • ราคาเบรค Spread ถ่างออกกว้าง แต่ Volume ไม่มา หรือ นิ่ง ให้ระมัดระวังอย่างหนัก
5.การเข้าลงทุน หุ้นต้อง เบรคทั้ง ราคา และ Volume








Wednesday, January 14, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 3


ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา

1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread
2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก 
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของ Spread


สรุปบทที่ 3


1.การเบรคราคาหุ้น คือ การที่ราคาหุ้นและ Float (หรือ Volume) ทะลุจุดอ้างอิง ระดับการเบรคของหุ้นจะมีด้วยกัน 4 ช่วง ดังนี้
  • หุ้น ที่เบรคราคา 20 วัน หรือ เดือนปฏิทิน....หมายถึงราคาหุ้นวันนี้ แพงกว่าหุ้นที่เรามองย้อนหลังตามกราฟ(วัน)ไป 20 วันทำการหรือ เดือนปฏิทิน
  • หุ้น ที่เบรคราคา 50 วัน หรือ เดือนปฏิทิน....หมายถึงราคาหุ้นวันนี้ แพงกว่าหุ้นที่เรามองย้อนหลังตามกราฟ(วัน)ไป 50 วันหรือ เดือนปฏิทิน

  • หุ้น ที่เบรคราคา 100 วัน หรือ เดือนปฏิทิน....หมายถึงราคาหุ้นวันนี้ แพงกว่าหุ้นที่เรามองย้อนหลังตามกราฟ(วัน)ไป 100 วันหรือ เดือนปฏิทิน

  • หุ้น ที่เบรคราคา 200 วัน หรือ ปีปฏิทิน....หมายถึงราคาหุ้นวันนี้ แพงกว่าหุ้นที่เรามองย้อนหลังตามกราฟ(วัน)ไป 200 วันหรือ ปีปฏิทิน

โดยระดับการเบรคของราคา จะสัมพันธ์กับระดับของการกลับตัวเป็นขาขึ้นของหุ้นด้วยเช่นกัน

2.วิธีการดูกราฟ
  • ดูย้อนไป 200 วัน และเอาวันล่าสุด (วันนี้) เป็นจุดเริ่ม

ตัวอย่างการเบรคราคา 200 วัน - ราคาล่าสุด สูงกว่าทุกแท่งในรอบ 200 วัน



ตัวอย่างการเบรคราคา 100 วัน


ตัวอย่างการเบรคราคา 16 วัน


ตัวอย่างการเบรคราคาและ Volume

Tuesday, January 13, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 2



ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา

1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread
2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก 
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของแนวรับ และ แนวต้าน 

สรุปบทที่ 2

1. หุ้นทุกตัวสามารถเป็นหุ้นปั่นได้หมด อยู่ที่ว่าสัญญาณการทำราคามีหรือไม่ในช่วงนั้น


อธิบาย Volume และ Spread โดยการพิจารณา Spread หากมีไส้เทียนจะคิดแค่ครึ่งไส้เท่านั้น

2. Volume และ Spread หากมาพร้อมกันทั่งคู่ เป็นสัญญาณของการเริ่มทำราคาแล้ว เพราะ Volume อย่างเดียวสามารถหลอกได้ด้วยการขายสลับไปมา ส่วน Spread อย่างเดียวสามารถหลอกได้ด้วย Bid-Offer กันเอง 

ตัวอย่าง กราฟ Volume และ Spread ที่มาพร้อมกัน


ตัวอย่างกราฟ MACD, RSI และ EMA ที่มีผลกับ Volume และ Spread

Sunday, January 11, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 1


รวมข้อคิดจากการลงทุนระบบ FVS จาก Ebook "เคล็ดวิชา ปอ อัน ปัน"   Download


1.พิจารณากราฟ ณ 200 วันทำการ (1 ปีปฎิทิน) เพราะเป็นช่วงเวลาที่มากที่สุด ที่นักลงทุนทั้งหลาย จะถือลงทุน

2.การลงทุนระบบ FVS จะเน้นพิจารณา 3 อย่าง Float, Volume และ Spread  (เพิ่มเติม)

  • Float คือ Volume ณ วันที่ราคาสูงที่สุด ที่ใกล้จุดที่เราจะลงทุนมากที่สุด
  • Volume คือ ปริมาณการซื้อขายในวันที่เราลงทุน โดยต้องเปรียบเทียบกับ Float 
  • Spread คือ ช่วงราคาหุ้นหรือการถ่างของแท่งเทียนในแต่ละวัน (กราฟแท่งเทียน)

3.จุดเข้าลงทุน มี 2 แบบ

  • เข้าตอนหุ้นพักตัว --> มือใหม่ควรเข้าช่วงนี้ จะเสี่ยงน้อยกว่า
  • เข้าตอนทะลุกรอบเดิม หรือทะลุแนวต้าน


ความหมายแนวรับ-แนวต้าน


แนวรับ : เมื่อหุ้นลงมาที่แนวเป็นครั้งที่ 2 ด้วยปริมาณการซื้อขายที่น้อยลง แต่ราคาไม่ตกต่อ ถือเป็น "เแนวรับ"
แนวต้าน : เมื่อหุ้นขึ้นที่แนวเป็นครั้งที่ 2 ด้วยปริมาณการซื้อขายที่น้อยลง แต่ราคาไม่ขึ้นต่อ ถือเป็น "แนวต้าน"