Friday, January 30, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 9


ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา


1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread
2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของ Spread
6.การเบรคราคา และ Volume
7.การดูแนวต้านด้วย Volume
8.การพักตัวของหุ้น
9.การเลือกหุุ้น
10.การเข้าหุ้น
12.การกระจายความเสี่ยง


สรุปบทที่ 9 - อารมณ์ตลาด


1.SET มีแนวโน้มจะสะท้อนภาพของตลาดหุ้น โดยเฉพาะ Dow Jones และ Hang Seng 

2.วันที่ตลาดติดลบตั้งแต่ 10 จุดขึ้นไป ไม่ควรลงทุน เพราะในวันที่ตลาดติดลบมากๆๆ เจ้าที่ทำราคาส่วนใหญ่มีแนวโน้มถือโอกาสพักตัวเก็บหุ้นต่อ รายย่อยควรถือโอกาสหาแนวรับ-แนวต้าน เพื่อเข้าซื้อในวันถัดๆไป




Thursday, January 29, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 8



ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา



1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread

2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก

3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน

4.ความหมายของ Float

5.ความหมายของ Spread

6.การเบรคราคา และ Volume

7.การดูแนวต้านด้วย Volume

8.การพักตัวของหุ้น

12.การกระจายความเสี่ยง



สรุปบทที่ 8 - การเลือกหุ้นและการเข้าหุ้น



1.ปริมาณ Float200 อยู่ระหว่าง 25 - 50 ล้านบาท

2.วันธรรมดาที่ราคาไม่ได้วิ่งกระชาก ควรมี Float แต่ละวันเฉลี่ยมากกว่า 5% ของ Float200

3.การเข้าหุ้นต้องเข้าตอนขาขึ้นเท่านั้น (ฐานราคายกขึ้นเรื่อยๆ)
  • เข้า หุ้นในแนวลุย (aggressive entry)
  • เข้าหุ้นในแนวรับ...ในที่นี้คือเข้า ตอนพักตัวขาขึ้น ปลอดภัยกว่า
4.การเข้าหุ้นควรแบ่งเงินออกเป็น 2-3 ไม้
  • เมื่อเริ่มต้นสันยาน...โวลุ่มส์เบรคสักระดับ 25-50% float200 และ spread ถ้างขึ้นไปประมาณ 5-9%....แบบ นี้วันต่อไป หุ้นดีดต่อเลยมีสูงมาก แต่ถ้ามันจะพักตัวก่อน ก็ลงไม่มาก(หลักพักตัว 1/3ของเรา)
  • การเข้า เมื่อทรงๆพอควรแล้วเบรคแนวต้าน...อาจต้านระดับ 50 100 หรือ 200 วัน....ลุยได้ครับ...แต่อย่าทั้งหมดทีเดียว

Wednesday, January 28, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 7



ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา


1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread
2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของ Spread
6.การเบรคราคา และ Volume
7.การดูแนวต้านด้วย Volume
12.การกระจายความเสี่ยง


สรุปบทที่ 7 - การพักตัวของหุ้น


1.เราจะเข้าลงทุนในช่วงที่หุ้นพักตัว สาเหตุที่หุ้นมีการพักตัวก็เพื่อบีบให้รายย่อยที่ถือหุ้น รอ Let Profit Run ปล่อยหุ้นออกมา




2.รูปแบบการพักตัวของหุ้นที่ดี ราคาควรย่อลงมาประมาณ 1/3 ของราคาอ้างอิง




อธิบายกราฟ

tipco... ที่จุดลากพื้นฐานถึงจุด A ให้แบ่งช่วงออกเป็น 3ช่วงดังภาพ... การพักตัวของจุด A ควรลงมาได้ประมาณ 1/3 หรือที่เลข 2ที่จุด B ในที่นี้ เนื่องจากความชันของกราฟยังไม่มาก...จุดอ้างอิงพื้นฐานเรายังเป็นที่เดิม และการพักตัวของจุด B ก็ควรลงมาที่ 2 ดังภาพ

rojna.... ความ ชันของกราฟสูงกว่ามาก...จุดอ้างอิงพื้นฐานจึงต้องขีดใหม่ทุกหลูบ


3.การเข้าหุ้น (แบบคร่าวๆๆ) เข้าเมื่อหุ้นพักตัว



4.การ Cut loss (แบบคร่าวๆๆ)

  • เมื่อหลุด -3%สักสองสามช่อง(เผื่อขาดเผื่อเหลือ)
  • คัทเมื่อหลุด -5%สักสามสี่ช่อง

5.การยิงดาว คือ การพักตัวของหุ้นเสร็จสรรพในวันนั้นเลย...คือมีลากราคาขึ้นสูง แล้วค่อยๆกดลงช้าๆ ให้คนทุนต่ำกลัวกำไรหาย ขายออกมาให้มากที่สุด....


Monday, January 26, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 6



ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา


1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread
2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก 
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของ Spread
6.การเบรคราคา และ Volume 
7.การดูแนวต้านด้วย Volume 

สรุปบทที่ 6 - การกระจายความเสี่ยง


1.การกระจายความเสี่ยง .... ในเมื่อเราและนักเทคนิคทั่วโลกยอมรับกันอยู่แล้วว่า "ไม่มีเทคนิคใดๆจะถูกต้องแม่นยำได้ 100%".... แค่ 70% ก็ถือว่าใช้งานได้แล้ว

และผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าระบบของเรา มีความเป็นไปได้ในระดับ 70% ถ้าเราไม่พลาดจุดสำคัญจุดใดจุดหนึ่งไปเสียก่อน

การ ที่จะให้หลักการความน่าจะเป็นทำงานได้แม่นยำที่สุด...นั่นคือการที่เราต้อง มีจำนวนประชากรให้มากที่สุด...นั่นคือถ้าระบบแม่น 70% การเล่นหุ้น 100 ตัว ต้องสำเร็จหรือมีกำไร 70 ตัว เสียได้ 30 ตัว

แต่การที่เราจะเล่นหุ้น คราวละมากๆๆๆตัวเพื่อกระจายความน่าจะเป็นนั้น...ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่ แล้ว...และการที่มีจำนวนประชากรหรือจำนวนหุ้นน้อยเกินไป ก็อาจทำให้เราพลาดตามหลักความน่าจะเป็นได้

เช่นเรามีวอชลิสต์อยู่ 10 สมมุติมันจะเข้าเป้า 7 ตัว...พลาด 3ตัว....แต่เราดันเลือกมาเล่นแค่สองตัวเท่านั้น...โอกาสที่สองตัวนั้นจะเป็น 1ใน 3ตัวหลัง (เจ๊งหมด) หรือเข้าเป้าแค่ 1 ขาดทุน1 ก็ย่อมเป็นไปได้

หมายถึงแม้ระบบเราจะดีแค่ไหน...แต่ถ้าเราเลือกหุ้นมาเล่นน้อยตัวเกินไป... โอกาสเป็นดังที่ผมว่าที่อาจเกิดขึ้นได้ก็คือ เจ๊งทั้งสอง หรือได้หนึ่งเจ๊งหนึ่ง...แม้เท่าทุนก็เสียเวลาเปล่า

ดังนั้น การถือหุ้น ต้องนึกถึงหลักความน่าจะเป็นเหล่านี้ด้วยเสมอ...ผมเองไม่เคยถือหุ้นต่ำกว่า 6ตัว และปกติจะ 7-9 ตัวเสมอ...เพราะเหตุผลนี้เอง

และหุ้นขาขึ้น ไม่ได้ขึ้นทุกตัวทุกวัน...มันจะมีตัวที่ขึ้นต่อบ้าง พักตัวบ้าง...และยิ่งเล่นรอบจัดอย่างผม (ไม่จำเป็นต้องเล่นแบบนี้ก็ได้นะครับ...ถือ สักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็ได้ ผลลัพธ์ไม่ต่างกันนัก...แต่ผมดันชอบลองเท่านั้นเอง)

ทีนี้พอตัวไหน ดีดๆแรงๆก็อาจแบ่งขายมาซื้อตัวที่กำลังพักตัวอยู่ก็ได้...โยกเงินไปมาในหุ้น ของเราเอง

และอีกอย่าง การถือสัก 8-9 ตัว ตามเทคนิคของเรา...เราจะสนุก ไม่เครียด เพราะจะมีตัวขึ้นมาให้ลุ้นให้มันส์อยู่ทุกวัน ตัวไหนพักตัวและยังไม่ต่ำกว่าจุดอันตราย เราก็เก็บเพิ่ม
ส่วนตัวไหน rsi ทำท่าเลยจุดโอเว่อร์บอท เราก็พิจารษรแบ่งขายบ้าง วันหน้าพักตัวย่อค่อยรับกลับ....จะเห็นได้ว่าผมมีหุ้นมาเชียร์มาโม้ทุกวันใน NVDR ก็เพราะเหตุผลนี้เองครับ

เทคนิคการกระจายความเสี่ยงนี้ ได้ผลดีมาก และยิ้มได้ทุกวัน...จึงนำมาโม้มาบอกกล่าวให้พี่น้องชาวเม่าด้วยกันได้ลองใช้ ดูครับ

Wednesday, January 21, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 5



ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา

1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread
2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก 
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของ Spread
6.การเบรคราคา และ Volume 

สรุปบทที่ 5 - การดูแนวต้านด้วย Volume


1.คำถามเบื้องต้นที่ต้องตอบ ก่อนเข้าหุ้น
  • หุ้นเบรคราคากี่วัน
  • สเปร ดราคาถ่างออกกี่% (จะได้รู้ว่าควรเข้าแบบไหน)
  • เบรคโวลุ่มระดับ ไหน(เทียบ float200)
  • เข้าได้เลยหรือรอพักตัวก่อน
  • ต้านโวลุ่มจุด แรกอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ จุดที่สอง(ถ้ามี)ที่เท่าไหร่
  • ช่วงราคาที่เข้า ซื้อ
  • ถ้าไปต่อ ขายเท่าไหร่ ยังไง
  • ถ้าพลาด จุดคัทอยู่ที่ราคาเท่าไหร่
  • (เพิ่มเติม)...หุ้นนั้นอยู่ในไซทีเรียหรือ เงื่อนไขการเลือกหุ้นของเราหรือไม่

2.หลักการดูแนวต้านด้วย Volume 




MCS...หุ้นขาลง (ระบบเราไม่เล่นนะ ครับ...เอามาเป็นตัวอย่างเท่านั้น)
ระบบของคนที่เล่นรีบาวด์...หุ้นนี้ ต้านแรกที่น่ากลัวคือแท่งที่ผมชี้ไว้ให้ดูมีโวลุ่มส์ค่อนข้างมาก...จึง รีบาวด์มาแตะแล้วลงต่อ...นี่คือต้านแรก

ส่วนต้านที่ 2 คือเส้นที่ผมขีดไว้ที่ราคาประมาณ 8.2 ... 

ลำดับที่ 3 ประมาณ 8.7 เป็นต้น

Tuesday, January 20, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 4



ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา

1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread
2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก 
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของ Spread
6.การเบรคราคาแต่ละระดับ


สรุปบทที่ 4

1.การเบรคของ Volume คือ พิจารณา Float200 หรือวันที่หุ้นมีจำนวน volume เล่นหากันมากที่สุดในช่วง 200 วันที่ผ่านมา

2.จำนวน Float และ Free Float ไม่จำเป็นต้องเท่ากัน Free Float คือจำนวนหุ้นที่รายย่อยสามารถซื้อถือได้ ส่วน Float ความหมายตามข้อ 1 ให้ focus ที่ Float200 เท่านั้น

ตัวอย่างการเบรคของ Float200 ในแต่ละครั้ง โดยจุด A เป็น Fail Signal เพราะเบรตแต่ราคา ไม่ได้เบรค Float ด้วย แต่จุด B เบรคทั้ง ราคา และ Float200

3.ระดับการเบรคของ Float แปรผันตรงกันกำไรคาดหวังและช่วง Spread ดังนี้

  • 25% ของ Float200
  • 50% ของ Float200
  • 75% ของ Float200
  • 100% ของ Float200
  • 150% ของ Float200
4.ประสบการณ์การเข้าลงทุน
  • Volume มา แต่ราคาเบรคน้อย เทรนเป็นขาขึ้น เบรคไม่แรงสามารถเข้าลงทุนได้ โดยราคาจะค่อยๆ ขัยบตามไป
  • ราคาเบรค Spread ถ่างออกกว้าง แต่ Volume ไม่มา หรือ นิ่ง ให้ระมัดระวังอย่างหนัก
5.การเข้าลงทุน หุ้นต้อง เบรคทั้ง ราคา และ Volume








Wednesday, January 14, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 3


ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา

1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread
2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก 
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของ Spread


สรุปบทที่ 3


1.การเบรคราคาหุ้น คือ การที่ราคาหุ้นและ Float (หรือ Volume) ทะลุจุดอ้างอิง ระดับการเบรคของหุ้นจะมีด้วยกัน 4 ช่วง ดังนี้
  • หุ้น ที่เบรคราคา 20 วัน หรือ เดือนปฏิทิน....หมายถึงราคาหุ้นวันนี้ แพงกว่าหุ้นที่เรามองย้อนหลังตามกราฟ(วัน)ไป 20 วันทำการหรือ เดือนปฏิทิน
  • หุ้น ที่เบรคราคา 50 วัน หรือ เดือนปฏิทิน....หมายถึงราคาหุ้นวันนี้ แพงกว่าหุ้นที่เรามองย้อนหลังตามกราฟ(วัน)ไป 50 วันหรือ เดือนปฏิทิน

  • หุ้น ที่เบรคราคา 100 วัน หรือ เดือนปฏิทิน....หมายถึงราคาหุ้นวันนี้ แพงกว่าหุ้นที่เรามองย้อนหลังตามกราฟ(วัน)ไป 100 วันหรือ เดือนปฏิทิน

  • หุ้น ที่เบรคราคา 200 วัน หรือ ปีปฏิทิน....หมายถึงราคาหุ้นวันนี้ แพงกว่าหุ้นที่เรามองย้อนหลังตามกราฟ(วัน)ไป 200 วันหรือ ปีปฏิทิน

โดยระดับการเบรคของราคา จะสัมพันธ์กับระดับของการกลับตัวเป็นขาขึ้นของหุ้นด้วยเช่นกัน

2.วิธีการดูกราฟ
  • ดูย้อนไป 200 วัน และเอาวันล่าสุด (วันนี้) เป็นจุดเริ่ม

ตัวอย่างการเบรคราคา 200 วัน - ราคาล่าสุด สูงกว่าทุกแท่งในรอบ 200 วัน



ตัวอย่างการเบรคราคา 100 วัน


ตัวอย่างการเบรคราคา 16 วัน


ตัวอย่างการเบรคราคาและ Volume

Tuesday, January 13, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 2



ทบทวน บทเรียนที่ผ่านมา

1.ควรรู้พื้นฐานทั่วไปของกราฟทั่วไป เช่น Trend line, MACD, RSI, EMA, กราฟแท่งเทียน, Volume และ Spread
2.ให้ความสำคัญกับ Volume และ Spread เป็นหลัก 
3.ดูกราฟ ต้องพิจารณาย้อนหลัง 200 วันทำการ หรือ 1 ปีปฎิทิน
4.ความหมายของ Float
5.ความหมายของแนวรับ และ แนวต้าน 

สรุปบทที่ 2

1. หุ้นทุกตัวสามารถเป็นหุ้นปั่นได้หมด อยู่ที่ว่าสัญญาณการทำราคามีหรือไม่ในช่วงนั้น


อธิบาย Volume และ Spread โดยการพิจารณา Spread หากมีไส้เทียนจะคิดแค่ครึ่งไส้เท่านั้น

2. Volume และ Spread หากมาพร้อมกันทั่งคู่ เป็นสัญญาณของการเริ่มทำราคาแล้ว เพราะ Volume อย่างเดียวสามารถหลอกได้ด้วยการขายสลับไปมา ส่วน Spread อย่างเดียวสามารถหลอกได้ด้วย Bid-Offer กันเอง 

ตัวอย่าง กราฟ Volume และ Spread ที่มาพร้อมกัน


ตัวอย่างกราฟ MACD, RSI และ EMA ที่มีผลกับ Volume และ Spread

Sunday, January 11, 2015

สรุป เคล็ดวิชา "ปออันปัน" บทที่ 1


รวมข้อคิดจากการลงทุนระบบ FVS จาก Ebook "เคล็ดวิชา ปอ อัน ปัน"   Download


1.พิจารณากราฟ ณ 200 วันทำการ (1 ปีปฎิทิน) เพราะเป็นช่วงเวลาที่มากที่สุด ที่นักลงทุนทั้งหลาย จะถือลงทุน

2.การลงทุนระบบ FVS จะเน้นพิจารณา 3 อย่าง Float, Volume และ Spread  (เพิ่มเติม)

  • Float คือ Volume ณ วันที่ราคาสูงที่สุด ที่ใกล้จุดที่เราจะลงทุนมากที่สุด
  • Volume คือ ปริมาณการซื้อขายในวันที่เราลงทุน โดยต้องเปรียบเทียบกับ Float 
  • Spread คือ ช่วงราคาหุ้นหรือการถ่างของแท่งเทียนในแต่ละวัน (กราฟแท่งเทียน)

3.จุดเข้าลงทุน มี 2 แบบ

  • เข้าตอนหุ้นพักตัว --> มือใหม่ควรเข้าช่วงนี้ จะเสี่ยงน้อยกว่า
  • เข้าตอนทะลุกรอบเดิม หรือทะลุแนวต้าน


ความหมายแนวรับ-แนวต้าน


แนวรับ : เมื่อหุ้นลงมาที่แนวเป็นครั้งที่ 2 ด้วยปริมาณการซื้อขายที่น้อยลง แต่ราคาไม่ตกต่อ ถือเป็น "เแนวรับ"
แนวต้าน : เมื่อหุ้นขึ้นที่แนวเป็นครั้งที่ 2 ด้วยปริมาณการซื้อขายที่น้อยลง แต่ราคาไม่ขึ้นต่อ ถือเป็น "แนวต้าน"